ประเภทของทรัมเป็ต
ทรัมเป็ตที่ธรรมดาที่สุดก็คือ Bb ทรัมเป็ต แต่ก็มีพวก F, C, D, Eb, E, G เหมือนกัน C ทรัมเป็ตมักเล่นในวงออร์เคสตราของอเมริกันร่วมกับแบบ Bb ด้วยขนาดที่เล็กทำให้เสียงค่อนข้างแจ่มชัดกว่า (ไรวะ?) ดูมีชีวิตชีวากว่า (กรูเป็นทรัมเป็ตที่ตายแล้ว...) เพราะโน้ตสำหรับทรัมเป็ตในยุคก่อนเหมาะสำหรับทรัมเป็ตที่ตัวนึงเป็นเสียงนึงเลย ก็เมื่อก่อนมันไม่มีลูกสูบนี่ ก็เลยเปลี่ยนระดับเสียงไม่ได้ เพราะงั้นคนเล่นก็เลยต้องเลือกเล่นเฉพาะส่วนในแต่ละเพลง นักเล่น Orchestra trumpet จะต้องเทพในการทรานสโพสโน้ตด้วยการมอง (เฮือก!! นั่นมันสิ่งที่กรูพยายามจะทำนี่หว่า!!!) เพราะบางครั้งโน้ตเขียนโดยยึด Bb บางครั้งก็ C (ปวดกบาลดีแท้)
Trumpet in C with Rotary valves
ช่วงเสียงของทรัมเป็ตเริ่มจาก F# ใต้ Middle C จนขึ้นไปอีก 3 Octaves (เป่าได้ถึงแค่ 2 ก็หลับแล้ว) บทเพลงทั่วไปที่คุ้นหูจะไม่มีโน้ตที่อยู่นอกเหนือจากช่วงนี้ (มีก็ปรับคีย์สิจ๊ะ กุ๊กๆ) และตารางนิ้ว (ซับนรกจาก Fingering table) ก็จะเขียน C ที่สูงกว่า Middle C สอง Octaves เป็นตัวสุดท้าย นักทรัมเป็ตหลาย ๆ คนวัดระดับความเก่งของตัวเองจากตัวที่สูงที่สุดที่พวกเขาเป่าได้ (อ๋อเหรอ...) ไม่ว่าจะเป็น Lew Soloff, Andrea Tofanelli, Bill Chase, Maynard Ferguson, Roger Ingram, Wayne Bergeron, Anthony Gorruso, Dizzy Gillespie, Jon Faddis, Cat Anderson, James Morrison, Doc Severinsen and Arturo Sandoval หรือบางทีเราก็อาจจะลองเป่าเสียงที่ต่ำกว่า F# ก็ได้นะ
ทรัมเป็ตที่เล็กที่สุดเรียกว่า Piccolo trumpet มักจะเล่นในคีย์ Bb หรือ A และมี leadpipes แยกต่างหากแต่ละคีย์ (มันคืออาราย?) Piccolo trumpet จะมีความยาวเป็นครึ่งหนึ่งของทรัมเป็ตปกติ แบบ G F หรือ C ก็มีแต่หายากกว่า (ไอเทมแรร์!!) ผู้เล่นหลายคนจะใช้เมาท์พีซที่เล็กกว่าปกติ ซึ่งจะให้เสียงและต้องใช้เทคนิคที่ต่างไป ปกติแล้ว Piccolo trumpet จะมีลูกสูบ 4 อัน ซึ่งจะลดระดับเสียงได้มากกว่า (คือ ชั้นต้องการเป่าเสียงสูง ๆ อะ) ตัวอย่างคนที่เล่นคือ Maurice André, Håkan Hardenberger, และWynton Marsalis
Piccolo trumpet in Bb
ทรัมเป็ตในคีย์ G ต่ำเรียกว่า Sopranos หรือ Soprano Bugles หลังจากที่ใช้ในกองทัพ ตอนนี้ก็ใช้กับวง drum and bugle แทน Sopranos มีทั้งลูกสูบแบบ Rotary และ Piston ใน 1 เครื่อง
Military Bugle in Bb
ส่วน Bass ทรัมเป็ต มักถูกเล่นโดยนักทรอมโบน เพราะเสียงมันเหมือนกัน (เรอะ) ใช้เมาท์พีซของทรอมโบนที่ตื้นกว่า และอ่านโน้ตจาก กุญแจซอล!!
Bass trumpet in C with Rotary valves
อีกชนิดที่น่าสนใจคือ Slide trumpet ก็เป็นตระกูลบีแฟลตที่มีสไลด์ เหมือนกัน Soprano trombone สไลด์ทรัมเป็ตเครื่องแรกสุดเกิดขึ้นในยุคเรเนอซองส์ ช่วงที่เค้ากำลังเห่อทรอมโบนน่ะแหละ และเป็นการเพิ่มความยิบย่อยของเสียงลงไปอีก ทรัมเป็ตชนิดนี้เป็นชนิดแรกที่ได้รับอนุญาตให้เล่นในโบสถ์คริสเตียน
เรื่องราวสไลด์ของทรัมเป็ตนี้เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 14 เพื่อใช้ในวงดนตรี Alta Capella สไลด์ทรัมเป็ตในยุคเรเนอซองส์ก็คือทรัมเป็ตปกตีที่มีสไลด์น่ะแหละ (พูดซ้ำไปมาเพื่อ?) มันค่อนข้างจะเกะกะไม่สะดวกเท่าไหร่ แล้วช่วงเสียงของสไลด์ก็ไม่ได้กว้างเพียงพอ ก็อย่างที่รู้กันว่าเครื่องดนตรีในยุคนี้ไม่ค่อยจะอยู่ยืนยาวถึงปัจจุบัน ก็แบบเดียวกับสไลด์ทรัมเป็ตน่ะแหละ ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันว่าเหมาะและคุ้มค่ารึเปล่า
สไลด์ทรัมเป็ตบางตัวยังพบในอังกฤษสมัยศตวรรษที่ 18
Pocket trumpet ก็คือบีแฟลตทรัมเป็ต ที่ bell เล็กกว่าปกติ ส่วนท่อจะติดกันแน่นกว่าเพื่อลดขนาดของเครื่องโดยไม่ลดความยาวท่อ ไม่มีรูปแบบเป็นมาตรฐานและคุณภาพก็แตกต่างกันมาก เสียงที่ออกมาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ (A warm sound อยากแปลก็แปลไป ไม่รู้จะพูดยังไง) โชคร้ายนิดหน่อย เพราะว่าการออกแบบเห่ย ๆ และการผลิตที่ถูกกดราคา เสียงและความดังของมันก็เลย เซ็ง ๆ ตามกันไป แบบที่มีมาตรฐานมันก็มีหรอกนะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ใช้มันเหมือนเป็นตัวสำรองของเครื่องปกติน่ะแหละ
Pocket trumpet
ยังมีทรัมเป็ตประเภท Rotary valve ทรัมเป็ตเยอรมัน Alto trumpet และทรัมเป็ตของยุคบาโรค
ทรัมเป็ตมักถูกสับสนกับคอร์เน็ต (ไม่เหมือนกันเรอะ หุๆๆ) ซึ่งคอร์เน็ตจะมีท่อเป็นกรวยมากกว่า ทรัมเป็ตจะเป็นทรงกระบอก (เหรอ?) เพราะงั้นรอยต่อของคอร์เน็ตก็เลยให้เสียงที่สุขุมกว่า แต่อย่างอื่นก็แทบจะเหมือนกันหมด ท่อยาวเท่ากัน ระดับเสียงเหมือนกัน เพราะงั้นเพลงที่จะเล่นก็เล่นด้วยกันได้ (อืม.. วงเราก็เลยมีโน้ตสองเวอร์ชั่น) อีกอันนึงคือ Flugelhorn ท่อเป็นกรวยมากกว่าคอร์เน็ต เสียงมีพลังกว่า (มันใช้คำว่า richer tone อะ) บางครั้งก็มี 4 ลูกสูบอีกแล้ว
Cornet and Flugelhorn
พูดความจริงดีกว่า
มันยังไม่จบ ใช่ แต่เหนื่อย และปวดหัวเอาการอยู่
เอาอันนี้ไปแทนละกันนะ เพราะที่เหลือแปลยังไงก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดีFingering